เมื่อชีวิตต้องเจอหลากหลายเรื่องที่ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่จอดรถ..
ลูกก็ป่วยต้องให้อาหารทางสายยาง สามีก็ไปทำงานไกล ตัวเองต้องจัดการทุกอย่างคนเดียว
แถมกลับบ้านดันฝ้าเพดานทะลุน้ำท่วมห้องต้องย้ายไปอยู่โรงแรมที่มีเพื่อนร่วมห้องดูไม่น่าไว้วางใจอีก
มิหนำซ้ำยังมีปัญหาในที่ทำงาน.. เครียดหัวจะระเบิด ลินดาเหมือนคนสติใกล้จะหลุดเข้าไปทุกที....
"If I Had Legs I'd Kick You" เป็นภาพยนตร์ดราม่าสัญชาติอเมริกันปี 2025
เขียนบทและกำกับโดย แมรี บรอนสไตน์ ผลงานเรื่องแรกของเธอในรอบ 14 ปี
ภายใต้การดูแลของค่ายหนังคุณภาพอย่าง A24 อีกแล้วครับท่าน นำแสดงโดย โรส เบิร์น (จาก Insidious)
ในบทของลินดา นักจิตบำบัดที่เจอกับคามกดดันในชีวิต อ่อ บรอนสไตน์ ผู้กำกับก็ร่วมแสดงสมทบด้วยในหนังเรื่องนี้เช่นกัน
โรส เบิร์น เล่นดีมากกกกกก วีคที่แล้วผมแนะนำเรื่องที่ดาราชายมีลุ้นชิงนำออสการ์ไปแล้วอย่างอีธาน ฮอว์ก ในเรื่อง Blue Moon
ถ้าฝั่งหญิงผมก็เชียร์คนนี้ล่ะครับ โรส เบิร์น เดอะแบกของเรื่องอย่างแท้จริง บทส่งมาก
เธอนำพาความรู้สึกหลากหลายกับความดราม่าของหญิงวัย 40 ตอนกลางที่ต้องคอยจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
ทั้งๆที่สภาพตัวเองพร้อมจะแหลกสลายไปในทุกวินาที
กับบทนักจิตบำบัดที่เรารู้ดีว่าคอยให้คำปรึกษาดูแลสภาพจิตของผู้อื่น
แล้วถ้าตัวของนักจิตบำบัดเครียดซะเองล่ะจะต้องทำยังไง วันวันเจอคนไข้แต่ละคน
รับฟังปัญหาร้อยแปดพันเก้าก็แย่อยู่แล้ว ยิ่งมาเจอปัญหาส่วนตัวที่ตัวเองแก้ไขไม่ได้
มันเครียดจนอยากตะโกนออกมาดังๆ แต่ว่าไม่มีเวลาแม้จะได้อยู่กับตัวเองเงียบๆคนเดียว
เวลาของเรามันกลายเป็นของคนอื่น ต้องดูแลแต่คนอื่นตลอด จะทำยังไงดีล่ะ
บทพื้นๆแค่นี้ล่ะครับ ดราม่าบ้านๆไม่มีอะไรซับซ้อนมากแต่คนดูสนุก
เบิร์นมีส่วนร่วมในฐานะ Executive Producer ของหนังเรื่องนี้ด้วย ซึ่งจะมีนัยยะบ้างก็คือเรื่องของรูครับ
อ๊ะ ไม่ต้องตกใจไป มันไม่ได้นำเสนอแบบที่คนกลัวรู Trypophobia ต้องร้องอี๋อย่างแน่นอน
เพราะรูที่ว่า เป็นรูที่เราจะเห็นตอนต้นเรื่องครับ มันคือรูใหญ่ที่ฝ้าเพดานถล่มลงมา จนกลวงโบ๋วนั่นเอง
มันเหมือนกับสภาพจิตใจของตัวเอกของเรื่องอย่างลินดา รูในใจ อดีตที่มันไม่อาจจะถมได้มิด
กลายเป็นรูที่ค่อยๆถ่างกว้างออกไปเรื่อยๆ ตัวเธอกำลังจะแย่ แต่ต้องฝืนยิ้มสู้ตลอด
อันดับแรกเลยคือเพื่อลูกสาวของเธอที่ป่วย ต้องให้อาหารทางสายยาง ซึ่งหนังไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ว่าเป็นโรคอะไร
และที่เด็ดกว่าก็คือหนังจะไม่ให้เราเห็นหน้าของสาวน้อยคนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นฉากใดก็ตาม (ซึ่งหนูน้อยมีบทเยอะเหมือนกัน)
มีแต่เสียงพูด เป็น 1 ในกิมมิคเล็กๆของหนังให้คนดูลุ้น โดยกว่าจะเห็นก็รอจนถึง.......
สังคมปัจจุบันนี้คนเครียดกันเยอะครับ มากด้วยที่เครียดแบบหลบในคือต้องซ่อนและกักเก็บความเครียดนั้นไว้ในใจตลอดเวลา
บางเรื่องเราไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ ไปหาหมอก็จะคิดว่าตัวเองเป็นบ้าหรือเปล่าวะ อะไรทำนองนี้
ไปหาเถอะครับ การไปหาจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นบ้า สติไม่สมประกอบแต่อย่างใด
การได้ระบายได้เล่าความในใจให้ใครสักคนฟัง มันช่วยได้มากจริงๆนะ ก่อนที่เราจะกลายเป็นบ้าไปจริงๆ
ผมเชื่อว่าหลายท่านเห็นจากชื่อเรื่องแล้วคงจินตนาการไปว่า เห้ย ท้ายเรื่องเบิร์น ชีต้องคลั่งจัดจนทำอะไรระห่ำแบบนั้นแน่เลย
ตามทรงผมก็คิดแบบนั้นนะครับ มีหนังทำนองนี้พอสมควร แต่กับ If I Had Legs I'd Kick You มีอะไรที่มีคลาสและพิเศษมากกว่านั้น
เพราะมันทำการสำรวจภายในจิตใจของเราทุกคน ว่าเราสามารถรับมือกับความ Ship Hi Why ป่วงได้มากในระดับไหน
คือฝึกความมีสตินั่นเองล่ะ เพราะวินาทีนั้นถ้าเราตัดสินใจข้ามเส้นบางๆ (แทบไม่เห็น) ที่มันขวางเราอยู่
เสี้ยวขณะนั้นเอง เราอาจจะหวนกลับมาสู่ความเป็นจริงและตัวตนของเราไม่ได้อีกเลย
และเมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างมันจะสายเกินไปที่จะแก้ไขได้ ใช่แล้ว ลินดา เธอกำลังอยู่ในสภาวะนั้น
ถ้าก้าวขาไปข้างหน้าอีกเพียงนิด อะไรจะเกิดขึ้น.. แค่คิดก็สยอง...
สรุปเลย นี่คืองานที่โชว์สกิลการแสดงของโรส เบิร์น ให้ระเบิดพลังในระดับสุดยอด
มีลุ้นนำแสดงหญิงยอดเยี่ยมได้เข้าชิงในเวทีใหญ่อย่างลูกโลกทองคำและออสการ์ที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน
ผมฟันธงแบบไม่กลัวหน้าแหก ถึงวันนั้นมาดูกระทู้นี้ย้อนหลังได้เลย คือได้ชิงนะ ส่วนจะไปถึงรางวัลมั้ย ก็อีกเรื่อง แหะๆ
ท้ายนี้ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านรีวิวหนังของผมตลอดปี 2568 ที่ผ่านมา
ปีหน้ายังมีอีกหลายเรื่องรออยู่ บางเรื่องเขียนทิ้งมา 3 ปียังหาจังหวะลงไม่ได้ก็มี 5555
มีความสุขมากๆ สวัสดีปีใหม่ 2569 ครับผม
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== If I Had Legs I’d Kick You (2025) มันสุดจะทน.. เกินใจคนรับไหว ==
เมื่อชีวิตต้องเจอหลากหลายเรื่องที่ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่จอดรถ..
ลูกก็ป่วยต้องให้อาหารทางสายยาง สามีก็ไปทำงานไกล ตัวเองต้องจัดการทุกอย่างคนเดียว
แถมกลับบ้านดันฝ้าเพดานทะลุน้ำท่วมห้องต้องย้ายไปอยู่โรงแรมที่มีเพื่อนร่วมห้องดูไม่น่าไว้วางใจอีก
มิหนำซ้ำยังมีปัญหาในที่ทำงาน.. เครียดหัวจะระเบิด ลินดาเหมือนคนสติใกล้จะหลุดเข้าไปทุกที....
"If I Had Legs I'd Kick You" เป็นภาพยนตร์ดราม่าสัญชาติอเมริกันปี 2025
เขียนบทและกำกับโดย แมรี บรอนสไตน์ ผลงานเรื่องแรกของเธอในรอบ 14 ปี
ภายใต้การดูแลของค่ายหนังคุณภาพอย่าง A24 อีกแล้วครับท่าน นำแสดงโดย โรส เบิร์น (จาก Insidious)
ในบทของลินดา นักจิตบำบัดที่เจอกับคามกดดันในชีวิต อ่อ บรอนสไตน์ ผู้กำกับก็ร่วมแสดงสมทบด้วยในหนังเรื่องนี้เช่นกัน
โรส เบิร์น เล่นดีมากกกกกก วีคที่แล้วผมแนะนำเรื่องที่ดาราชายมีลุ้นชิงนำออสการ์ไปแล้วอย่างอีธาน ฮอว์ก ในเรื่อง Blue Moon
ถ้าฝั่งหญิงผมก็เชียร์คนนี้ล่ะครับ โรส เบิร์น เดอะแบกของเรื่องอย่างแท้จริง บทส่งมาก
เธอนำพาความรู้สึกหลากหลายกับความดราม่าของหญิงวัย 40 ตอนกลางที่ต้องคอยจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
ทั้งๆที่สภาพตัวเองพร้อมจะแหลกสลายไปในทุกวินาที
กับบทนักจิตบำบัดที่เรารู้ดีว่าคอยให้คำปรึกษาดูแลสภาพจิตของผู้อื่น
แล้วถ้าตัวของนักจิตบำบัดเครียดซะเองล่ะจะต้องทำยังไง วันวันเจอคนไข้แต่ละคน
รับฟังปัญหาร้อยแปดพันเก้าก็แย่อยู่แล้ว ยิ่งมาเจอปัญหาส่วนตัวที่ตัวเองแก้ไขไม่ได้
มันเครียดจนอยากตะโกนออกมาดังๆ แต่ว่าไม่มีเวลาแม้จะได้อยู่กับตัวเองเงียบๆคนเดียว
เวลาของเรามันกลายเป็นของคนอื่น ต้องดูแลแต่คนอื่นตลอด จะทำยังไงดีล่ะ
บทพื้นๆแค่นี้ล่ะครับ ดราม่าบ้านๆไม่มีอะไรซับซ้อนมากแต่คนดูสนุก
เบิร์นมีส่วนร่วมในฐานะ Executive Producer ของหนังเรื่องนี้ด้วย ซึ่งจะมีนัยยะบ้างก็คือเรื่องของรูครับ
อ๊ะ ไม่ต้องตกใจไป มันไม่ได้นำเสนอแบบที่คนกลัวรู Trypophobia ต้องร้องอี๋อย่างแน่นอน
เพราะรูที่ว่า เป็นรูที่เราจะเห็นตอนต้นเรื่องครับ มันคือรูใหญ่ที่ฝ้าเพดานถล่มลงมา จนกลวงโบ๋วนั่นเอง
มันเหมือนกับสภาพจิตใจของตัวเอกของเรื่องอย่างลินดา รูในใจ อดีตที่มันไม่อาจจะถมได้มิด
กลายเป็นรูที่ค่อยๆถ่างกว้างออกไปเรื่อยๆ ตัวเธอกำลังจะแย่ แต่ต้องฝืนยิ้มสู้ตลอด
อันดับแรกเลยคือเพื่อลูกสาวของเธอที่ป่วย ต้องให้อาหารทางสายยาง ซึ่งหนังไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ว่าเป็นโรคอะไร
และที่เด็ดกว่าก็คือหนังจะไม่ให้เราเห็นหน้าของสาวน้อยคนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นฉากใดก็ตาม (ซึ่งหนูน้อยมีบทเยอะเหมือนกัน)
มีแต่เสียงพูด เป็น 1 ในกิมมิคเล็กๆของหนังให้คนดูลุ้น โดยกว่าจะเห็นก็รอจนถึง.......
สังคมปัจจุบันนี้คนเครียดกันเยอะครับ มากด้วยที่เครียดแบบหลบในคือต้องซ่อนและกักเก็บความเครียดนั้นไว้ในใจตลอดเวลา
บางเรื่องเราไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ ไปหาหมอก็จะคิดว่าตัวเองเป็นบ้าหรือเปล่าวะ อะไรทำนองนี้
ไปหาเถอะครับ การไปหาจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นบ้า สติไม่สมประกอบแต่อย่างใด
การได้ระบายได้เล่าความในใจให้ใครสักคนฟัง มันช่วยได้มากจริงๆนะ ก่อนที่เราจะกลายเป็นบ้าไปจริงๆ
ผมเชื่อว่าหลายท่านเห็นจากชื่อเรื่องแล้วคงจินตนาการไปว่า เห้ย ท้ายเรื่องเบิร์น ชีต้องคลั่งจัดจนทำอะไรระห่ำแบบนั้นแน่เลย
ตามทรงผมก็คิดแบบนั้นนะครับ มีหนังทำนองนี้พอสมควร แต่กับ If I Had Legs I'd Kick You มีอะไรที่มีคลาสและพิเศษมากกว่านั้น
เพราะมันทำการสำรวจภายในจิตใจของเราทุกคน ว่าเราสามารถรับมือกับความ Ship Hi Why ป่วงได้มากในระดับไหน
คือฝึกความมีสตินั่นเองล่ะ เพราะวินาทีนั้นถ้าเราตัดสินใจข้ามเส้นบางๆ (แทบไม่เห็น) ที่มันขวางเราอยู่
เสี้ยวขณะนั้นเอง เราอาจจะหวนกลับมาสู่ความเป็นจริงและตัวตนของเราไม่ได้อีกเลย
และเมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างมันจะสายเกินไปที่จะแก้ไขได้ ใช่แล้ว ลินดา เธอกำลังอยู่ในสภาวะนั้น
ถ้าก้าวขาไปข้างหน้าอีกเพียงนิด อะไรจะเกิดขึ้น.. แค่คิดก็สยอง...
สรุปเลย นี่คืองานที่โชว์สกิลการแสดงของโรส เบิร์น ให้ระเบิดพลังในระดับสุดยอด
มีลุ้นนำแสดงหญิงยอดเยี่ยมได้เข้าชิงในเวทีใหญ่อย่างลูกโลกทองคำและออสการ์ที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน
ผมฟันธงแบบไม่กลัวหน้าแหก ถึงวันนั้นมาดูกระทู้นี้ย้อนหลังได้เลย คือได้ชิงนะ ส่วนจะไปถึงรางวัลมั้ย ก็อีกเรื่อง แหะๆ
ท้ายนี้ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านรีวิวหนังของผมตลอดปี 2568 ที่ผ่านมา
ปีหน้ายังมีอีกหลายเรื่องรออยู่ บางเรื่องเขียนทิ้งมา 3 ปียังหาจังหวะลงไม่ได้ก็มี 5555
มีความสุขมากๆ สวัสดีปีใหม่ 2569 ครับผม
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===